ยังถือเป็นศาสตร์และศิลป์ที่รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจในเรื่องแสงอย่างลึกซึ้ง เพราะโคมไฟห้อยเพดานไม่ได้ทำหน้าที่เพียงกระจายแสงไปทั่วห้องเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างบรรยากาศเฉพาะที่สอดคล้องกับการใช้งานแต่ละพื้นที่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น ในห้องรับประทานอาหาร โคมไฟห้อยเพดานที่ออกแบบมาให้แสงส่องลงเฉพาะโต๊ะอาหาร จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว อบอุ่น และทำให้ทุกมื้ออาหารกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าจดจำ หรือในห้องโถงกว้างขวาง การเลือกโคมไฟห้อยเพดานที่มีขนาดใหญ่พร้อมดีไซน์โดดเด่นก็สามารถทำให้พื้นที่ที่ดูว่างเปล่ากลับกลายเป็นจุดโฟกัสที่ดึงดูดทุกสายตาได้ในทันที
โคมไฟห้อยเพดานยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งพื้นที่
ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องก่อผนังหรือกั้นห้อง เช่น การแขวนโคมไฟห้อยเพดานเหนือโซฟาในห้องนั่งเล่น จะช่วยกำหนดขอบเขตพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนได้อย่างชัดเจน หรือการแขวนโคมไฟห้อยเพดานเป็นแถวยาวเหนือตู้บาร์ในครัว จะช่วยสร้างมุมที่รู้สึกแยกตัวจากพื้นที่ทำครัวหลักอย่างมีสไตล์ วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านสมัยใหม่ที่เน้นพื้นที่แบบเปิดโล่ง (Open Plan) เพราะการใช้โคมไฟห้อยเพดานสามารถทำหน้าที่เป็นทั้งตัวกำหนดโซนและองค์ประกอบตกแต่งในคราวเดียวกัน แม้แต่ในห้องเด็ก โคมไฟห้อยเพดานก็สามารถนำมาใช้สร้างโลกแห่งจินตนาการได้อย่างสนุกสนาน
ด้วยการเลือกโคมไฟห้อยเพดานลวดลายแฟนตาซี เช่น รูปสัตว์ รูปดาว หรือสีสันสดใส จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความสุขในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี หรือในห้องนอนผู้ใหญ่ที่ต้องการบรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย การเลือกโคมไฟห้อยเพดานที่ให้แสงนุ่มนวล ปรับระดับได้ จะช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ และทำให้ห้องนอนกลายเป็นสถานที่แห่งการฟื้นฟูพลังอย่างแท้จริง
สำหรับบ้านที่มีสไตล์โมเดิร์นหรือคอนเทมโพรารีที่เน้นความเรียบง่าย
การเลือกโคมไฟห้อยเพดานที่มีดีไซน์มินิมอล เช่น ทรงเรขาคณิตสีพื้น หรือวัสดุโลหะเรียบด้าน จะช่วยเน้นให้ความเรียบร้อยของพื้นที่ยิ่งโดดเด่นยิ่งขึ้น ขณะที่บ้านสไตล์วินเทจหรือคลาสสิกก็เหมาะกับโคมไฟห้อยเพดานที่มีรายละเอียดประณีต เช่น ลวดลายเหล็กดัด หรือคริสตัลระยิบระยับ เพื่อสร้างความหรูหราเหนือกาลเวลา โดยการเลือกโคมไฟห้อยเพดานให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งนี้ จะทำให้ทั้งบ้านดูมีความสมดุล และสะท้อนรสนิยมที่ประณีตบรรจงของเจ้าของบ้านได้อย่างเต็มที่ ในแง่ของการดูแลรักษาโคมไฟห้อยเพดานนั้น
หากต้องการให้โคมไฟห้อยเพดานดูใหม่และเปล่งประกายอยู่เสมอ ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดฝุ่นละอองอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์นุ่ม ๆ เช็ดเบา ๆ เพื่อไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิว และสำหรับโคมไฟห้อยเพดานที่มีวัสดุพิเศษอย่างแก้ว คริสตัล หรือโลหะมันวาว ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะทางเพื่อคงความเงางามและลดการสะสมของคราบหมอง หรือถ้าเป็นโคมไฟห้อยเพดานที่ติดตั้งในพื้นที่สูงมาก อาจเลือกใช้ไม้ปัดฝุ่นยืดได้ หรือจ้างบริการทำความสะอาดมืออาชีพเพื่อลดความเสี่ยงในการปีนขึ้นไปทำความสะอาดเองซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

รายละเอียดเพิ่มเติม; https://www.lampblabla.com/329778/โคมไฟเพดาน?srsltid=AfmBOopcoNcN6Ds7wZgQnc8wh3Ubg6TV7LTc6ZQy461BDLSiym0WN9LS